วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

                         อนุทินครั้งที่๖
                     20 กุมภาพันธ์ 2561
    การเรียนในครั้งนี้นะคะอาจารย์นักศึกษาหาบทความของตัวเองเเล้วมานำเสนอหน้าชั้นเรียนค่ะของดิฉันนำเสนอ บทความเรื่องปลูกฝังรักการอ่านให้ลูกตั้งเเต่วัยทารกจนถึงวัยอนุบาล
   การอ่านหนังสือให้ลูกฟังสามารถทำได้ตั้งแต่เจ้าหนูยังอยู่ในครรภ์  แต่สิ่งสำคัญคือการ “ต่อยอด”  เมื่อทารกน้อยคลอดออกมาแล้ว การอ่านหนังสือให้ลูกฟังแม้เขาจะอยู่ในวัยทารก  คุณพ่อคุณไม่ต้องกังวลไปนะคะว่า  อ่านไปแล้วลูกจะเข้าใจหรือ  มีประโยชน์อย่างไรหากอ่านไปแล้วลูกไม่เข้าใจ  มาดูกันค่ะว่า ทำไมจึงควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจก็ตาม !!!
1. แรกเริ่มการอ่านหนังสือให้ทารกในครรภ์ คือ การอ่านหนังสือ ให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง เด็กจะมีความจำเกี่ยวกับคำ แม้ว่าเด็กจะไม่ได้ยิน แต่เด็กจะคุ้นชินกับคำ และประโยคที่พ่อแม่อ่านให้ฟัง ยิ่งถ้าพ่อแม่มีการต่อยอดหลังลูกคลอดออกมา เด็กก็จะยิ่งมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีขึ้น และเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
บทความแนะนำ  เเม่ท้องอ่านหนังสือเสริมความฉลาดทารกตั้งเเต่ในครรภ์
2. การต่อยอดเพื่อสอนลูกรักการอ่าน การอ่านหนังสือ โดยเฉพาะสำหรับลูกที่ยังเล็ก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของหนังสือแต่อย่างใด ยิ่งมีหนังสือมาก จะยิ่งทำให้เด็กอ่านมาก  แต่ในความเป็นจริงการอ่านหนังสือเริ่มจากความประทับใจหนังสือเพียงไม่กี่เล่มหรือแม้แต่เล่มเดียวก็ตาม  การที่ลูกให้พ่อแม่อ่านซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ ก็จะมีแนวโน้มที่จะเป็นนักอ่านได้มากกว่าเด็กที่ถูกบังคับให้อ่านหนังสือมากมาย
3. ทุกเสียงที่คุณพ่อและคุณแม่อ่านเป็นคำ ๆ ให้ลูกฟังจะกระตุ้นให้สมองของลูกบันทึกและสร้างวงจรของคำศัพท์ต่าง ๆ เอาไว้ตั้งแต่ตั้งครรภ์  ยิ่งถ้าอ่าน สอนลูกรักการอ่าน  และการใช้คำจากหนังสือสอนลูกในวัยก่อน 3 ขวบมากเท่าไร เด็กจะมีชุดของคำเป็นหมื่น ๆ คำ ซึ่งคำมีผลต่อสติปัญญามาก4. หนังสือที่มีรูปเล่มดี ภาพประกอบสวย ใช้สีสด ๆ ย่อมดึงดูดเด็กเล็กได้มากกว่าหนังสือที่ดูเรียบๆ ก็จริงอยู่ หากลูกเริ่มโตพูดคุยกันได้เข้าใจ โดยเฉพาะในวัยอนุบาล   หนังสือที่ลูกจะอ่านหรือรักที่จะอ่าน ย่อมอยู่ที่เนื้อหาหรือเรื่องราวที่เด็กรู้สึกสัมผัสได้ เชื่อมโยงได้กับการเรียนรู้รอบ ๆ ตัว สัมพันธ์กับผู้คนและบรรยากาศที่ทำให้เด็กได้ประสบกับความรู้สึกนึกคิดบางอย่าง และเปิดช่องทางให้เด็กได้คิด ได้ถาม ได้สงสัย และครุ่นคิดด้วยตนเอง ทำให้เกิดการพัฒนาด้านการคิด วิเคราะห์ต่อไป
บทความแนะนำ  สุดยอด 3เคล็ดลับอ่านหนังสือกับลูกวัยหัดพูด
5. สิ่งสำคัญ พ่อแม่ไม่ควรคาดหวังหรือเปรียบเทียบการอ่านของลูกกับเด็กคนอื่น ๆ เพราะเด็กแต่ละคน แต่ละวัย มีพัฒนาการด้านการอ่านแตกต่างกันไป และไม่จำเป็นว่าเด็กทุกคนจะมีนิสัยรักการอ่านเท่าๆ กัน เป้าหมายสำคัญของการอ่านและนิสัยรักการอ่าน อยู่ที่การอ่านเป็น และสามารถใช้การอ่านเป็นสะพานเชื่อมโยงสู่พัฒนาการในด้านต่างๆ ได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรนำลูกมาเปรียบเทียบกันว่า ใครอ่านมากกว่า หรือสนใจอ่านหนังสือประเภทใดมากน้อยกว่ากัน แล้วคะยั้นคะยอบังคับลูกเพื่อให้เหมือนคนอื่น


 เพื่อนก็จะออกไปเล่าบทความของตัวเองให้เพื่อนในห้องฟังเป็นการเเลกเปลี่ยนความได้อธิบาย
 บรรยากาศถายในห้องเรียน


เทคนิคดี ๆ ที่ทำให้ลูกรักการอ่าน

1. สภาพแวดล้อม

สอนลูกรักการอ่าน
เด็กที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่การอ่านและหนังสือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในบ้าน และเป็นส่วนหนึ่งในการทำกิจกรรมต่างๆ จะสนใจการอ่านและสามารถได้รับการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านได้ง่าย ดังนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่คนที่สนใจหนังสือหรือรักการอ่าน  ก็เป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังให้ลูกสนใจหนังสือหรือรักการอ่านได้ เว้นเสียแต่ว่าเด็กจะได้รับอิทธิพลจากบุคคลแวดล้อมอื่นๆ โดยเฉพาะสมาชิกในครอบครัว  เช่น  บางครอบครัวที่คุณปู่ คุณย่า รักการอ่านและมีเวลาอยู่กับหลาน ๆ มากกว่าคุณพ่อคุณแม่ซึ่งต้องออกไปทำงาน เด็กก็อาจมีนิสัยรักการอ่านตามคุณปู่คุณย่าได้เช่นกัน

2. ความสัมพันธ์และความประทับใจที่มีหนังสือเป็นส่วนประกอบ

สอนลูกรักการอ่าน
องค์ประกอบ  หมายถึง  บรรยากาศประทับใจที่มีการอ่านและหนังสือเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น แม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอน หลานอ่านหนังสือให้ยายฟัง  พ่อเล่าเรื่องจากหนังสือที่อ่านให้ลูกฟัง อาตั้งใจซื้อหนังสือมาให้เป็นของขวัญ เป็นต้น  บรรยากาศที่สะท้อนความสัมพันธ์อันใกล้ชิดอบอุ่นเช่นนี้ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างนิสัยรักการอ่าน และควรเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและเป็นกันเอง

3. สอนให้ลูกเข้าใจประโยชน์ของการอ่าน

สอนลูกรักการอ่าน
การสอนให้ลูกรักการอ่าน สอนให้เข้าใจถึงประโยชน์ของการอ่าน  สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เช่น  พาลูกออกไปข้างนอก  ชี้ชวนให้ลูกดูป้ายบอกทาง อ่านชื่อซอย  ชื่อถนน  ชื่อร้านค้าที่เดินผ่าน เป็นต้น ทำให้ลูกรู้และเข้าใจได้เองว่า  หากเราอ่านหนังสือเป็นก็จะทำให้ไปไหนมาไหนได้ถูก รู้จักสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น  การทำเช่นนี้เป็นการกระตุ้นให้ลูกสนใจและรักการอ่าน เพราะเห็นประโยชน์สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

4. การเขียนแสดงความรู้สึกนึกคิด

สอนลูกรักการอ่าน
พัฒนาการด้านการอ่านและเขียน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป เด็กที่ได้รับการสนับสนุนให้เขียน รวมทั้งวาดภาพ เพื่อแสดงความรู้สึกนึกคิดหรือจินตนาการของตนเอง  การเขียนช่วยให้เด็กสามารถสื่อสารออกมาเป็นตัวอักษรได้  การสนับสนุนให้เด็กเล็กหรือเด็กในวัยก่อนอนุบาลหรือวัยอนุบาลเขียน ไม่ควรเน้นที่ความถูกต้อง การสะกดคำ หรือหลักไวยากรณ์ ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่าการเขียนเป็นสิ่งสร้างข้อผิดพลาดและคำตำหนิ  แต่ควรให้คำแนะนำวิธีการเขียนถูกต้องทำให้เด็กไม่รู้สึกว่าตนเองทำผิดจะทำให้รู้สึกไม่กล้าเขียนได้

5. การสนับสนุนให้กำลังใจ

. การเขียนแสดงความรู้สึกนึกคิด พัฒนาการด้านการอ่านและเขียน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป เด็กที่ได้รับการสนับสนุนให้เขียน รวมทั้งวาดภาพ เพื่อแสดงความรู้สึกนึกคิดหรือจินตนาการของตนเอง การเขียนช่วยให้เด็กสามารถสื่อสารออกมาเป็นตัวอักษรได้ การสนับสนุนให้เด็กเล็กหรือเด็กในวัยก่อนอนุบาลหรือวัยอนุบาลเขียน ไม่ควรเน้นที่ความถูกต้อง การสะกดคำ หรือหลักไวยากรณ์ ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่าการเขียนเป็นสิ่งสร้างข้อผิดพลาดและคำตำหนิ แต่ควรให้คำแนะนำวิธีการเขียนถูกต้องทำให้เด็กไม่รู้สึกว่าตนเองทำผิดจะทำให้รู้สึกไม่กล้าเขียนได้
นิสัยรักการอ่าน  คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถบังคับลูกได้ แต่สามารถกระตุ้นและสนับสนุนได้ โดยให้กำลังใจเมื่อลูกสนใจหนังสือ อ่านหนังสือ หรือเขียนหนังสือ วิธีการให้กำลังใจควรเป็น การซักถามชื่อเรื่อง ผู้แต่ง เนื้อหา การให้เด็กอธิบายสิ่งที่ตัวเองอ่าน การพูดคุยอย่างเป็นกันเองเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือ การเล่าประสบการณ์หรือเรื่องราวเสริม การขอดูรายละเอียดบางส่วนของหนังสือ วิธีที่แสดงความสนอกสนใจอย่างจริงจังทำนองนี้ ดีกว่าการกล่าวคำชมเชยเฉยๆ ซึ่งหากกระทำซ้ำๆ หรือยกยอกันมากเกินไป อาจก่อให้เกิดผลในทางลบได้ง่าย

มีการเตรียมความพร้อมก่อนออกไปนำเสนอ

"ประเมินตนเอง"
วันนี้ดิฉันเข้าห้องตรงเวลาค่ะไม่สายเเละทำการบ้านมาส่งมีความพร้อมในการออกไปนำเสนอ
"ประเมินเพื่อน"
เพื่อนบางคนมาสายบ้างเเต่ส่วนใหญ่มาตรงตามเวลาค่ะเเละเพื่อนมีความพร้อมทุกคนที่จะออกมานำเสนอค่ะ
"ประเมินอาจารย์"
วันนี้อาจารย์มารอสอนค่ะเเละเพื่อนออกไปนำเสนอของเเต่ละคนอาจารย์ก็จะอธิบายเพิ่มเติมความรู้มาเพิ่มอีกค่ะให้นักศึกษาเข้าใจเเละจดจำค่ะ
ข้อคิดเห็นค่ะ
บรรยากาศในห้องเรียนเหมาะสมดีเอื้อต่อการเรียนรู้เพื่อนมีการถามตอบทำความเข้าใจไปพร้อมกันได้ดีค่ะเเละที่เป็นจุดเด่นของวิชานี้นะคะอาจารย์ได้ให้เเสดงจุดยืนของตัวเองให้เราได้เเสดงความคิดเห็นว่าเรามีความคิดเห็นกับเพื่อนมากน้อยเเค่ไหนค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

                         อนุทินครั้งที่ ๕
                         6 กุมภาพันธ์ 2561
สำหรับทักษะการเรียนวันนี้นะคะอาจารย์ให้นำเสนอผลงานเเละอธิบายการนำเสนอให้เพื่อนฟังในสิ่งที่ตนเองค้นคว้ามาและทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม




นำเสนอผลงานทฤษฎีของเด็กปฐมวัย
ข้อคิดเห็น
บรรยากาศในห้องเรียนเหมะสมดีในห้องมีการถามตอบเเละทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันได้ดีค่ะเเละที่เป็นจุดยืนของวิขานี้คืออาจารย์ให้ทุกคนได้เเสดงความคิดเห็นของเเต่ละคน

"ประเมินตนเอง"
เข้าเรียนตรงเวลาตั้งใจเเละให้ความร่วมมือภายในห้องเสมอค่ะ

"ประเมินเพื่อน"
เพื่อนๆให้ความร่วมมือทุกๆกิจกรรมในห้องเรียนได้ดีค่ะเเละช่วยกันออกความคิดเห็นเเสดงจุดยืนของตนเองได้ดีค่ะ
"ประเมินอาจารย์"

อาจารย์มีการบอกล่วงหน้าค่ะว่าจะสอนอะไรให้นักศึกษาอ่านหาความรู้มาจากที่บ้านค่ะเเละมาทำความเข้าใจไปพร้อมกันในห้องเรียนค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



         อนุทินครั้งที่ ๔
        30 มกราคม 2561
สำหรับการเรียนในครั้งนี้นะคะจะทำงานกันเป็นกลุ่มเเต่ล่ะกลุ่มจะมีหัวข้อเป็นของตัวเองสำหรับกลุ่มดิฉันนะคะมีดังนี้

"ความต้องการของเด็กปฐมวัย"
1.ความหมายเเละความต้องการของเด็กปฐมวัย
   -ความต้องการพื้นฐานทางกายเพื่อให้ดำรงอยู่
-ความต้องการความอิสระ ควบคู่ไปกับความต้องการพื้นฐานทางกาย
   -ความต้องการผลสัมฤทธิ์ มักจะต้องให้เกิดผลลัพย์ทั้งสิ้น
-ความต้องการประสบการณ์ที่ท้าท
-ความต้องการมีเพื่อน
2.ครูจะมีวิธีตอบสนองความต้องการอย่างไร
-ความต้องการอิสระควบคู่ไปกับพื้นฐานทางกายโดยครูเป็นผู้ตั้งโจทย์สร้างบรรยากาศเเละส่งเสริมเพื่อกระตุ้นให้เด็กใช้ความคิดเเละจินตนาการผ่านทักษะทางร่างกายที่เป็นเครื่องมือในดารเเสดงออก
-ความต้องการผลสัมฤทธิ์มักจะต้องการให้ลดผลสัมฤทธิ์ทั้งสิ้นในการจัดการเรียนการสอนเเละทำกิจกรรมต่างๆครูต้องเป็นผู้ปฏิบัติให้เด็กเห็นภาพเเละจึงปฏิบัติตามเเละทำให้เด็กเกิดผลสัมฤทธิ์ในการเรียนการสอนของครู
-ครูควรจัดกิจกรรมใหม่ๆให้เด็กไม่เบื่อ
3.พ่อเเม่ผู้ปกครองจะมีวิธีตอบสนองความต้องการอย่างไร
-ครูจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายผู้ปกครองพาเด็กเล่นเครื่องเล่นหากิจกรรมเต้นออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน
-ผู้ปกครองควรให้อิสระกับเด็กในการคิดการเเสดงความคิดเห็นเพราะช่วงที่เด็กเข้าโรงเรียนเด็กต้องการอิสระมากนิ่งขึ้น
-ผู้ปกครองต้องสนับสนุนกับกิจกรรมของครูที่ได้ตัดให้กับเด็กเพื่อที่ให้เด็กนั้นเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีต่อตัวเอง
-ควรพาน้องๆไปเล่นกิจกรรมที่ท้าทายเเละสอนเด็กๆควบคู่ไปด้วย


ระหว่างทำงานกลุ่มในกลุ่มทุกคนช่วยกันเเสดงความคิดเห็น
ในกลุ่มีควาทสามัครคีช่วยเหลือเกื้อกูลกันเเละมีการถามตอบกันได้ดี
เสริมสร้างจิตนาการความคิดสร้างสรรค์ระหว่างทำงานกลุ่ม
                          "ประเมินตนเอง"
เราสามารถเเสดงความคิดเห็นร่วมกับเพื่อนอาสาตกเเต่งผลงานเพราะเราถนัดด้านนี้

                          "ประเมินเพื่อน"
เพื่อนทุกคนมีการถามตอบกันได้ดีช่วยกันเเสดงความคิดเห็นร่วมใจสามัคคีกันภายในกลุ่ม

                           "ประเมินอาจารย์"
อาจารย์จัดงานให้นักษาทำงานเป็นกลุ่มมีความเป็นระบบเพื่อฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นขาดตกบกพร่องตรงไหนอาจารย์ก็คอยชี้เเนะเเนวทางให้ได้ดีค่ะ
                               "  ข้อคิดเห็น"
บรรยากาศในห้องเรียนเหมาะสมดีเอื้อต่อการเรียนรู้ในห้องเรียนมีการถามตอบทำความเข้าใจไปพร้อมกันได้ดีค่ะเเละที่สำคัญที่เป็นจุดเด่นในวิชานี้ก็คืออาจารย์ให้เราเเสดงจุดยืนว่าเรามีความคิดเห็นกับเพื่อนมากน้อยเเค่ไหนเเละการเรียนในครั้งนี้ช่วยฝึกทำให้เราได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น